คำเรียกชื่อฤดูต่าง ๆ

          ราชบัณฑิตยสถานมักจะได้รับคำถามเกี่ยวกับการนำคำเรียกชื่อฤดูต่าง ๆ ในภาษาบาลีสันสกฤตมาเทียบใช้แทนคำเรียกชื่อฤดูต่าง ๆ ในประเทศไทยอยู่เสมอ โดยเฉพาะ ฤดูวสันต์ ว่า คือ ฤดูฝน ใช่หรือไม่

          แท้จริงแล้ว ฤดูวสันต์ ไม่ใช่ ฤดูฝน หากแต่เป็น ฤดูใบไม้ผลิ คำ “วสันต์” มาจากภาษาบาลีสันสกฤตว่า “วสนฺต” หมายถึง ฤดูใบไม้ผลิ

          การแบ่งฤดูกาลในประเทศอินเดียมีความแตกต่างจากการแบ่งฤดูกาลในประเทศไทย เนื่องจากลักษณะภูมิอากาศไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ ในประเทศอินเดียเองยังมีการแบ่งฤดูที่แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่และลักษณะภูมิอากาศอีกด้วย

          คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา (บาลี) กล่าวถึงฤดูในประเทศอินเดียว่า มีการแบ่ง ๒ แบบ

          แบบแรกเป็นการแบ่งฤดูตามลักษณะภูมิอากาศของประเทศอินเดียทางภาคตะวันออกและภาคใต้ คือ แบ่งออกเป็น ๓ ฤดู ฤดูละ ๔ เดือน ได้แก่ ๑. เหมนฺต (เหมันต์) = ฤดูหนาว   ๒. คิมฺหาน (คิมหันต์) = ฤดูร้อน   ๓. วสฺสาน (วัสสานะ) = ฤดูฝน  

          ส่วนแบบที่ ๒ เป็นการแบ่งฤดูตามลักษณะภูมิอากาศของประเทศอินเดียทางภาคเหนือ คือ แบ่งออกเป็น ๖ ฤดู ฤดูละ ๒ เดือน ได้แก่ ๑. เหมนฺต (เหมันต์) = ฤดูหนาว   ๒. สิสิร (สิสิระ) = ฤดูหมอกหรือน้ำค้าง   ๓. วสนฺต (วสันต์) = ฤดูใบไม้ผลิ   ๔. คิมฺหาน (คิมหันต์) = ฤดูร้อน   ๕. วสฺสาน (วัสสานะ) = ฤดูฝน   ๖. สรท (สารท) = ฤดูใบไม้ร่วง

          สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนนั้น พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถานได้อธิบายการแบ่งฤดูกาลในประเทศไทยไว้ว่า แบ่งตามลักษณะภูมิอากาศออกได้เป็น ๓ ฤดู ฤดูละประมาณ ๔ เดือน ได้แก่ ๑. ฤดูหนาว (กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน)  ๒. ฤดูร้อน (กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม)  ๓. ฤดูฝน (กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม)

          จะเห็นได้ว่าการแบ่งฤดูกาลในประเทศไทยนั้นคล้ายคลึงกับการแบ่งฤดูกาลในประเทศอินเดียภาคตะวันออกและภาคใต้ซึ่งอยู่ในเขตมรสุม คือ มี ๓ ฤดู ดังนั้น หากจะนำคำเรียกชื่อฤดูในภาษาบาลีสันสกฤตมาเทียบใช้แทนคำเรียกชื่อฤดูในภาษาไทย ก็สามารถเทียบใช้ได้ดังนี้

                    เหมันต์      =      ฤดูหนาว
                    คิมหันต์     =      ฤดูร้อน
                    วัสสานะ    =       ฤดูฝน


ผู้เขียน : นางสาวชลธิชา  สุดมุข
ที่มา : จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน  ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๕๖ มกราคม ๒๕๓๙