สวดอภิธรรม

          “เวลา ๑๙.๐๐ น. สวดพระอภิธรรม” วลีนี้ท่านผู้อ่านคงเคยพบมาจำนวนไม่น้อย การที่พระสงฆ์นำบาลีบางส่วนของพระอภิธรรมปิฎกมาสวดเนื่องในพิธีบำเพ็ญกุศลศพ สันนิษฐานว่าเนื่องจากความเชื่อ ๒ ประการคือ

          ๑. พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธมารดา ดังมีเรื่องปรากฏในคัมภีร์อัฏฐสาลินีว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ทรมานเดียรถีย์ แล้ว ทรงดำริว่า พระพุทธเจ้าในอดีตเมื่อแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้วทรงจำพรรษาที่ไหน เมื่อทรงทราบว่า ทรงจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดาตลอดไตรมาส พระองค์จึงเสด็จไปภพดาวดึงส์

          ท้าวสักกะทรงประกาศให้เหล่าเทวดามาเฝ้าพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทอดพระเนตร แต่มิได้เห็นพระพุทธมารดา จึงตรัสถามว่า พระนางสิริมหามายามารดาของพระองค์ไม่ได้มาด้วยหรือ ท้าวสักกะทรงทราบว่า พระพุทธองค์เสด็จมาครั้งนี้ด้วยมีพระประสงค์ตรัสพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา จึงรีบเสด็จไปภพดุสิตอันเป็นที่สถิตของสิริมหามายาเทพบุตร อดีตพระพุทธมารดา และได้ทูลว่า ขณะนี้พระพุทธองค์เสด็จมาประทับอยู่ ณ ภพดาวดึงส์ สิริมหามายาเทพบุตรสดับแล้วก็ทรงโสมนัส พร้อมด้วยหมู่เทพอัปสรเสด็จไปภพดาวดึงส์ทันที ครั้นไปถึง พระพุทธองค์ตรัสเชิญให้สิริมหามายาเทพบุตรเข้ามาใกล้ ให้เป็นประธานของเหล่าเทวดา แล้วจึงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ตั้งแต่วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ จนถึงวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ทรงแสดงพระอภิธรรมทั้งกลางวันกลางคืนติดต่อกันเป็นเวลา ๓ เดือน ครั้นถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ พระพุทธองค์จึงเสด็จลงมาจากเทวโลก ณ เมืองสังกัสสนคร

          ๒. เนื้อหาในพระอภิธรรมปิฎกเป็นการกล่าวถึงปรมัตถธรรม ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ซึ่งเป็นธรรมอันละเอียดลุ่มลึกและประเสริฐกว่าธรรมทั้งหมด ไม่กล่าวพาดพิงถึงสัตว์ บุคคล เหตุการณ์และสถานที่แต่อย่างใด การได้ฟังพระอภิธรรมจะทำให้ผู้ฟังเกิดการเปรียบเทียบกับการจากไปของผู้วายชนม์ ที่ทำให้เห็นถึงสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ในท่ามกลาง และดับไปในที่สุด

สำรวย นักการเรียน