ความยิ่งใหญ่ของเมือง

           ในบรรดาสิ่งสร้างสรรค์ทั้งหลายทั้งปวงของมนุษย์ อาจกล่าวได้ว่าไม่มีอะไรที่เลอเลิศวิจิตรตระการและมีบทบาทหน้าที่อันสมบูรณ์มากไปกว่าตัวเมือง เมืองเป็นแหล่งอันแสดงออกซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

           มนุษย์ใช้มันสมอง ทุน และเวลาในการประดิษฐ์คิดค้นสร้างเมืองขึ้นมาเพื่อให้ทำหน้าที่อันหลากหลายสุดแต่มนุษย์จะมีจินตนาการ ตลอดเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา เมืองต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นในโลกจึงมีชื่อกระฉ่อนไปในลักษณะต่าง ๆ กัน คือ มีทั้งชื่อเสียงโด่งดังและความเป็นอมตะตลอดจนชื่อเสียงไปในทางด้านต่าง ๆ ตามความเป็นจริง เมืองจึงเป็นแหล่งที่บรรจุเอาไว้ทั้งความดีและความเลวร้ายของมนุษย์ เท่าที่มนุษย์จะสามารถสร้างสรรค์ขึ้นมา เมืองที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ จึงหาได้ยากในโลก

            ถ้ามองปัญหาของเมืองตามความเป็นจริงและเป็นกลางแล้วจะเห็นได้ว่าเมืองใหญ่ในโลกทุกเมืองย่อมมีทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ชั่วร้ายควบคู่กันไป ยากที่จะกำจัดอย่างหนึ่งและรักษาอีกอย่างหนึ่งไว้ ในเมื่อคุณลักษณะดังกล่าวเป็นของคู่กับเมือง เมืองที่ยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงก้องโลกย่อมมีทั้งสิ่งที่วิเศษและเลวร้ายคลุกเคล้ากันไป ทั้งนี้เพราะตัวเมืองเป็นภูมิทัศน์ที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมา และตัวมนุษย์เองก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์ไม่มีที่ติ อีกมุมหนึ่งของมนุษย์อาจจะเป็นตัวทำลายอย่างมหันต์ แต่อาจกล่าวได้ว่าไม่มีภูมิทัศน์ใดที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจะน่าประทับใจและน่าลุ่มหลงมากไปกว่าตัวเมือง

           บรรดาเมืองใหญ่ของโลกมักมีปัญหาขัดแย้งกันในตัวเอง คือเป็นทั้งวิมานและชุมชนแออัดในขณะเดียวกัน กรุงบาบิโลนเมืองใหญ่แห่งแรกของโลกโบราณก็เป็นที่อาศัยของพวกโสเภณีมาแล้ว กรุงเอเธนส์โบราณแม้ว่าจะมีสถาปัตยกรรมอันงดงาม เป็นแหล่งรุ่งเรืองทางปัญญา แต่ก็เปรียบเสมือนแหล่งชุมชนแออัดที่โตเกินตัว ในอดีตกรุงโรมก็มีชุมชนแออัด เป็นที่ซ่องสุมของเหล่าอาชญากรและการจราจรติดขัดมาแล้ว

            ไม่ว่าเมืองจะมีปัญหาเลวร้ายประการใด แต่ในที่สุดคนเราก็ตกหลุมรักเมืองอยู่นั่นเอง นี่คือคำกล่าวของลิวอิส มัมฟอร์ด (Lewis Mumford) ผู้หลงใหลประวัติอารยธรรมของเมืองมาช้านาน อะไรทำให้คนเราลุ่มหลงในตัวเมือง แสง สี เสียง โสเภณี ความคึกคักมีชีวิตชีวาหรือแหล่งหล่อเลี้ยงอู่อารยธรรมของมวลมนุษย์ ความยิ่งใหญ่ของเมืองนั้นเกิดจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน

            เมืองใหญ่ไม่ใช่พิจารณาจากจำนวนประชากรแต่เพียงอย่างเดียวหรือจากความมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ แต่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ที่ช่วยปรุงแต่งกันขึ้นมา เมืองใหญ่ไม่จำเป็นต้องสวยงามและวางผังอย่างหมดจด กรุงเจนีวา เมืองฟลอเรนซ์ ให้ความงามแก่สายตาผู้พบเห็น แต่ก็ไม่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา กรุงบราซิเลียของบราซิลได้รับการออกแบบวางแผนอย่างสวยงามแต่ก็เกือบเป็นเมืองร้างมานานก่อนที่จะมีบทบาทหน้าที่ในปัจจุบัน กรุงสตอกโฮล์มและโจฮันเนสเบิร์ก เป็นเมืองที่น่าอยู่แต่ก็ไม่มีชื่อเสียงมากนัก

            องค์ประกอบทางด้านกายภาพอันเกิดจากทำเลที่ตั้งและการจัดรูปถนนหนทางและอาคารบ้านเรือนอาจช่วยให้เมืองยิ่งใหญ่ได้ แต่ลำพังสิ่งนี้อย่างเดียวก็คงไม่ช่วยให้เมืองโด่งดังไปได้ ตัวอย่างเมืองพิตส์เบิร์กซึ่งอยู่ทางตะวันตกของมลรัฐเพนซิลเวเนียในสหรัฐอเมริกา มีชัยภูมิอยู่ตรงสามเหลี่ยมซึ่งแม่น้ำ ๒ สายตัดกัน สภาพธรรมชาติตรึงตาตรึงใจมาก มีสถาปัตยกรรมอันหรูหรา ถนนกว้างขวาง แต่ปรากฏว่าเมืองนี้ไม่เคยมีชื่อเสียงเลย ทั้งนี้เนื่องจากเมืองนี้เป็นแหล่งอุตสาหกรรม จึงคลาคล่ำไปด้วยปัญหาสภาพแวดล้อมและมลพิษนานาชนิด

            พรสวรรค์ทางด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์อันยาวนาน หรือขนาดอันใหญ่โตของตัวเมืองที่กว้างขวางและมีประชากรเป็นจำนวนมาก อาจช่วยส่งเสริมให้เมืองขึ้นสู่ระดับที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่ก็จะยังไม่ถึงขั้น หากขาดองค์ประกอบสำคัญที่สุดคือ การแสดงออกอย่างอิสระของมนุษย์ตามธรรมชาติ

           ดูแต่กรุงมอสโก เมืองเซี่ยงไฮ้ หรือกรุงปักกิ่งเป็นตัวอย่าง เมื่อเมืองขาดคุณสมบัติอันนี้ตัวเมืองก็ไร้ประสิทธิภาพ เมืองจะโด่งดังได้เพราะตัวเมืองเป็นแหล่งแสดงออกซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน กรุงเอเธนส์โบราณให้ความเบิกบานกับทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นสื่ออารยธรรมสูงสุด เป็นแหล่งที่ช่วยให้มนุษย์มีประเพณีและจุดหมายร่วมกัน ทั้งยังกระตุ้นก่อให้เกิดความหลากหลายและความเจริญ กรุงเอเธนส์จึงเป็นแหล่งเตือนความทรงจำอันมีชีวิตชีวาของโลกตะวันตก

           ส่วนคู่แข่งด้านการทหารของกรุงเอเธนส์ คือ กรุงสปาร์ตา ซึ่งเจริญในทุกด้านยกเว้นทางวัฒนธรรม จึงเป็นเมืองที่โด่งดังไปไม่ได้ เนื่องจากขาดคุณสมบัติด้านปฏิสัมพันธ์ต่อกันของชาวเมือง เมืองที่มีการกดขี่ทางด้านการเมืองเช่นกรุงมอสโกย่อมจะยิ่งใหญ่ไปไม่ได้ เช่นเดียวกับเมืองที่มีผู้คนเป็นจำนวนมากในตอนกลางวันแต่พอกลางคืนผู้คนเดินทางออกไปหลับนอนตามชานเมือง ทิ้งเมืองส่วนใหญ่ไว้อย่างเงียบเหงา ตัวเมืองจึงเป็นเพียงที่รวมของตัวตึกอาคารต่าง ๆ เท่านั้น นี่คือความจริงที่ไม่น่าอภิรมย์ของบางเมืองในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน

            ความหลากหลายของเมืองเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ทำให้เมืองยิ่งใหญ่ แต่คำว่า ยิ่งใหญ่ มิได้หมายความเพียงขนาดใหญ่คือมีประชากรมากแต่เพียงอย่างเดียว เมืองกัลกัตตา กรุงไคโร และกรุงเม็กซิโกซิตี มีจำนวนประชากรมากเกินไป ส่วนผู้คนในเมืองก็อยู่กันอย่างทนทุกข์ทรมานในเมืองที่มีขนาดใหญ่แต่เพียงอย่างเดียว แต่ขาดสาธารณูปโภคและปัจจัยพื้นฐานในการยังชีพอื่น ๆ

            เมืองที่ยิ่งใหญ่คงเกิดขึ้นในประเทศที่ไม่สำคัญได้ยาก ด้วยเหตุนี้เอง จอห์น ฟรีด-แมนน์ (John Friedmann) นักวางผังเมืองจึงชอบเรียกเมืองที่มีชื่อเสียงว่า จักรวรรดินคร กรุงลอนดอนและปารีสยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ก็สูญเสียความเปล่งปลั่งไปบ้างเมื่อการเมืองของโลกย้ายเวทีไปอยู่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มอสโก และปักกิ่ง แต่เมืองเหล่านี้ก็ยังขาดคุณสมบัติของความยิ่งใหญ่ไปอย่างน้อยอย่างหนึ่ง กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อาจเป็นศูนย์กลางทางการเมือง ทางวัฒนธรรม และด้านพิพิธภัณฑ์หอศิลปกรรม แต่ก็ยังคงความเป็นอยู่แบบท้องถิ่นซึ่งไม่แตกต่างกับเมืองดิมอยส์ในมลรัฐไอโอวา หรือเมืองบุตในมลรัฐมอนแทนา กรุงเม็กซิโกซิตีและเมืองริโอเดจาเนโร ต่างก็เป็นเมืองที่มีความแกร่งกล้า มีศักยภาพที่จะเป็นเมืองโด่งดังได้แต่ก็ต้องแสดงบทบาทดังกล่าวต่อไปจนกว่าจะเกิดความมั่งคั่งและอิทธิพล เราอาจปฏิเสธไม่ได้ว่ากรุงโตเกียวเป็นเมืองโด่งดังทั้ง ๆ ที่สถาปัตยกรรมของเมืองนั้นเป็นแบบธรรมดา ส่วนฮ่องกงกลับเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดในเอเชีย แต่ก็เป็นเมืองที่ขาดประเทศ จึงยังยิ่งใหญ่ไปไม่ได้เช่นกัน

            เมืองยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องน่าอยู่ แต่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานให้แก่ชีวิต ไม่ใช่ความทนทุกข์ทรมาน ทำให้มีคนต้องยึดเอาถนนเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเมืองใหญ่ของอินเดียและอินโดนีเซีย ชาวเมืองต้องสามารถติดต่อกันในส่วนต่าง ๆ ของเมืองอย่างสะดวกโดยไม่เกิดความเครียดหรือล่าช้ากว่าปรกติอย่างกรุงเทพมหานคร สภาพการครองชีพต่าง ๆ ตั้งแต่ราคาสินค้าจนถึงสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมต้องไม่เป็นตัวบีบคั้นมากนัก

           เมืองยิ่งใหญ่ควรมีชนชั้นระดับผู้มีอันจะกินมากพอที่จะสนับสนุนด้านวัฒนธรรมและการพักผ่อนหย่อนใจ อันเป็นเครื่องแสดงออกถึงความโดดเด่นของเมือง ตัวเงินไม่สามารถซื้อความมีชื่อเสียงของเมืองได้จริง แต่เมืองที่จะโด่งดังต้องมีเงินที่จะสนับสนุนกิจการของเมือง เมืองที่ยิ่งใหญ่ต้องมีความแกร่งกล้าและอดทน แม้ในบางครั้งจะต้องผ่อนปรนให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองได้แสวงหาความเพลิดเพลิน และแน่นอนเมืองใหญ่ย่อมเป็นแหล่งรวมความชั่วร้ายของมนุษย์

           สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเมืองที่ยิ่งใหญ่คือความผูกพันของผู้อยู่อาศัย เมืองใหญ่จะต้องมีชีวิตชีวาไม่เงียบเหงาเซาซบ ชาวเมืองต้องมีความผูกพันกับสถานที่ มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ ความรู้สึกของผู้อาศัยต้องแตกต่างจากผู้มาเยือน นี่คือลักษณาการทางวัฒนธรรมของเมือง ที่ขาดไม่ได้คือจิตสำนึกต่อสถานที่อยู่อาศัย จินตภาพของชาวเมืองย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความรักและหวงแหนในตัวเมือง

           เมืองที่เคยเป็นแหล่งประกอบพิธีกรรม เป็นสถานที่ที่ผู้คนเคารพบูชา เมืองที่เป็นเมืองป้อมปราการ เป็นศูนย์กลางการปกครอง และเป็นศูนย์การค้า จะเป็นเมืองที่มีมนต์ขลังดึงดูดผู้คนที่เร่ร่อนหรืออยู่กันตามหมู่บ้านให้อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองเหล่านี้ซึ่งเขาเหล่านั้นตรึงตาตรึงใจ ดังเช่น กรุงคอนสแตนติโนเปิล หรือ อิสตันบูล เมืองที่ยิ่งใหญ่จีงมีคุณสมบัติด้านมนต์ขลัง แม้แต่ในปัจจุบันมนุษย์เราอาจทั้งรักทั้งชังเมือง แต่เมื่อต้องมนต์ของเมืองเข้าแล้ว คงลืมไม่ลงและไม่อยากที่จะจากไปเช่นเดียวกับมนต์ขลังอื่น ๆ เสน่ห์ของเมืองใหญ่ที่โด่งดังจึงย่อมอยู่เหนือการวิเคราะห์และคำจำกัดความใด ๆ

            หันมาพิจารณากรุงเทพมหานครของเรา เราคงคุยไม่ได้ว่ากรุงเทพฯ ยิ่งใหญ่เพราะประชากรเกือบ ๖ ล้านคน เป็นเมืองที่มีตึกระฟ้าทันสมัยมากมายเป็นศูนย์กลางทางด้านการปกครองและวัฒนธรมของไทยเรามากว่า ๒๐๐ ปีแล้ว แต่ในมุมกลับกันเมืองหลวงของเรายังมีสิ่งที่ไม่ปรารถนาอีกมาก เช่น ปัญหาการเพิ่มประชากร ปัญหาชุมชนแออัด ปัญหาความยากจน และปัญหาสภาพแวดล้อมนานาประการ ความยิ่งใหญ่ของกรุงเทพฯ คงเกิดขึ้นได้ยากหากเมืองมีแต่คุณสมบัติดังกล่าว เพราะในที่สุดความยิ่งใหญ่ความมีชื่อเสียงของเมืองย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างหลายประการ.

ผู้เขียน : ศ. ดร.ฉัตรชัย พงศ์ประยูร ราชบัณฑิตประเภทสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภูมิศาสตร์ สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง
ที่มา : จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน  ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๖