จาตุรงคมหาปธาน เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า จาตุรงคสันนิบาต คือ การประชุมพร้อมกันด้วยองค์ ๔ ซึ่งประกอบด้วย ๑. พระสงฆ์พุทธสาวกจำนวน ๑๒๕๐ องค์ ที่มาประชุมกันเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณทั้งหมด ๒. พระสงฆ์พุทธสาวกทั้งหมดเป็นเอหิภิกขุที่พระพุทธองค์ประทานอุปสมบท ๓. พระสงฆ์พุทธสาวกทั้งหมดมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ๔. วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ พระจันทร์เสวยมาฆะฤกษ์ และนอกจากองค์ ๔ ที่ประกอบด้วยลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ทราบไหมคะว่ายังมีองค์ ๔ ในความหมายเกี่ยวกับการตั้งความเพียรของพระพุทธเจ้าอีกด้วย คือ จาตุรงคมหาปธาน หรือจาตุรงคมหาปธานะ สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม ๘ อธิบายไว้ว่า จาตุรงคมหาปธาน แปลว่า การตั้งความเพียรมีองค์ ๔ โดยกำหนดเป็นจำนวนไว้ในคำนี้ได้แก่ หนังเป็นองค์อัน ๑ เอ็นเป็นองค์อัน ๑ กระดูกเป็นองค์อัน ๑ เนื้อเลือดเป็นองค์อัน ๑ รวมเป็นองค์ ๔ หมายความว่า ตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ถึงเนื้อเลือดจะแห้งไป เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็ยอม ถ้าทำกิจไม่สำเร็จจะไม่ยอมเลิก ซึ่งเป็นการกล่าวเฉพาะพระพุทธเจ้าเมื่อคราวประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิ์ในเย็นวันที่จะตรัสรู้นั้น ดังปรากฏในหนังสือพระปฐมสมโพธิ ฉบับของสมเด็จพระสังฆราช สา ที่ทรงไว้ว่า “ทรงพระอธิษฐานความเพียรจาตุรงคมหาปธานมีองค์สี่อย่าง ตั้งพระหฤทัยว่า หนังและเอ็น และกระดูกและมังสะโลหิตในกาย จงเหือดแห้งไปเถิด คุณพิเศษอันล้ำเลิศใด ที่เป็นวิสัยบุคคลจะพึงได้ด้วยเรี่ยวแรงและความเพียรแห่งบุรุษ เมื่อยังไม่บรรลุถึงคุณพิเศษนั้น จักไม่สละละความเพียรเสีย” แสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระทัยอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะไม่ลุกจากที่ประทับจนกว่าจะตรัสรู้ด้วยความเพียร แม้ว่า จาตุรงคมหาปธาน จะเป็นการตั้งความเพียรของพระพุทธเจ้ามีองค์ ๔ ก็ตาม แต่ในภายหลังเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว ยังทรงเล่าเรื่องนี้เพื่อสอนพระภิกษุที่มีใจท้อแท้ในการประพฤติพรหมจรรย์ ด้วยทรงหวังให้ภิกษุนั้นหันเข้าหาความเพียร ไม่หยุดความเพียรเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ต่อไป. กนกวรรณ ทองตะโก |