นาโนเทคโนโลยีในวิถีไทย

           นาโนเทคโนโลยี เป็นการสร้างเทคโนโลยีจากอะตอมและโมเลกุลมาใช้สอยในชีวิตประจำวันของคน มีความเล็กขนาดหนึ่งในพันล้านส่วน ประเทศไทยวิถีชีวิตไทยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ด้วยความหลากหลายของอะตอมและโมเลกุล ที่รวมตัวโดยการจัดการของธรรมชาติมาช้านานเป็นล้าน ๆ ปี จึงเป็นฐานความรู้อันมหัศจรรย์ ถ้าคนไทยจะสามารถหยั่งรู้และเรียนรู้ จนกระทั่งเรียงร้อยอะตอมให้เข้าสู่สิ่งประดิษฐ์ที่พึงประสงค์ ซึ่งแน่นอน คนไทยจะทำได้ต้องสร้างสมฐานปัญญาญาณไปกำกับฐานความรู้ตามธรรมชาติเหล่านั้นให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นต้นว่า ปฏิมากรรมของชีวิตจากสารอาหารที่เรียกว่า ลูกโซ่อาหาร

            ลูกโซ่อาหารของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง เมื่อเราเอาส่วนประโยชน์ไปสร้างชีวิตให้อยู่ต่อไปได้ ย่อมต้องขับของเสียที่ไม่ต้องการออกมา ของเสียเหล่านี้ยังทรงคุณค่าสำหรับชีวิตเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และสารต่าง ๆ ในของเสียก็ยังคงคุณค่าอยู่ที่สายพันธุ์อื่นนำไปใช้เป็นอาหารได้ ดังนั้น ของเสียของสายพันธุ์หนึ่งก็ยังเป็นอาหารต่อให้กับอีกสายพันธุ์ชีวิตหนึ่งได้ จักเป็นเช่นนี้ต่อ ๆ กัน ถ้าเราคนไทยค้นหาสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่จะเชื่อมโยงในสายลูกโซ่อาหาร และจัดตั้งระบบนิเวศให้สรรพชีวิตอยู่รวมกันเป็นต้นว่า ชีวิตที่ ๑ กินอยู่ได้ด้วยสรรพคุณของอาหาร ๑ เมื่อขับถ่ายส่งต่อไปยังของเสีย ๑ ที่กลับกลายเป็นอาหาร ๒ สำหรับชีวิตที่ ชีวิตที่ เมื่อขับถ่ายส่งต่อไปยังของเสีย ๒ ที่กลับกลายเป็นอาหาร ๓ สำหรับชีวิตที่ ๓ เช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ย่อมมีโอกาสจะจัดสมดุลของสรรพชีวิตกับสรรพสิ่ง ด้วยฐานความรู้ที่ธรรมชาติมีแต่คนได้และคนใช้ประโยชน์เกิดมีฐานปัญญาญาณ มาจัดสมดุลได้อย่างพอดี คนไทยจะอยู่บนพื้นแผ่นดินไทยอย่างราบรื่น ประหยัด คุ้มค่า มีงานทำ น่าสนใจ สมาธิเกิด ปัญญามี นับเป็นเศรษฐกิจการสร้างนาโนเทคโนโลยีที่คนไทยเป็นเจ้าของเศรษฐกิจที่แปรเปลี่ยนความรู้เป็นการอยู่ดีกินดีร่วมกัน เป็นไปได้เพียงเฉพาะเมื่อคนไทยมีปัญญาญาณเท่านั้น เศรษฐกิจไทยโดยคนไทยย่อมมั่นคง เพราะคนไทยที่รู้จักและรู้สร้างนาโนเทคโนโลยีไทย เช่น ลูกโซ่อาหาร

            คนยุคใหม่มีปัจจัย ๔ คือ ๑. ที่อยู่   ๒. อาหาร  ๓. เครื่องนุ่งห่ม และ ๔. ยารักษาโรค จะต้องมีอาชีพเป็นปัจจัยที่ ๕ จึงจะสามารถมีปัจจัย ๑-๔ ได้ดี แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การรู้และสามารถรักษาสุขภาพจิตในร่างกายที่สมบูรณ์ ท่ามกลางฐานความรู้ที่คนเราพากันสร้างกันมากมายในสรรพวิทยาการได้นั้น คนยุคใหม่จะต้องรู้จักการจัดดุลยภาพของจิตให้อยู่อย่างผู้มีปัญญา และแน่นอนถ้าคนผู้นั้นสามารถฝึกฝนตนเองให้เกิดมีปัญญาญาณที่หยั่งรู้เป้าหมายในรูปประสิทธิผลก่อนแล้ว การบริหารจัดการตนเองให้เกิดสัมมาทิฐิที่จะลงมือปฏิบัติภารกิจประจำวันให้เข้าสู่เป้าหมายที่รู้กำหนดประสิทธิผลได้แล้ว ย่อมจะต้องปฏิบัติได้ถูกทางและถูกต้อง เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา และเสริมสร้างคุณค่าได้อย่างมั่นคง นับว่าการรู้และสามารถจัดดุลยภาพของจิตเป็นปัจจัยที่ ๖ ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนยุคใหม่

            โลกทุกวันนี้ ทุกคนเล็งผลเลิศ โดยใช้อัตราความรวดเร็วทางปฏิบัติงานเป็นเข็มทิศในการแข่งขัน แต่ถ้าปฏิบัติผิดทางและไม่ถูกต้องย่อมเสียเปล่า ดังนั้น นาโนเทคโนโลยี ย่อมจักต้องรู้จักเลือกเป้าหมายและประสิทธิผลที่ถูกทาง ถูกต้อง เป็นต้นว่า คนไทยจะสร้างนาโนเทคโนโลยีเรื่องอาหาร เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับคุณค่าของอาหารเป็นการรักษาบำรุงร่างกายให้แข็งแกร่งปราศจากโรคภัย ก็จะลดอัตราการใช้จ่ายปัจจัย ๔ คือ ยารักษาโรคได้ทันที

            ส่วนปัจจัยที่ ๑ ที่อยู่ และปัจจัยที่ ๓ เครื่องนุ่มห่ม ย่อมสามารถรังสรรค์ปั้นแต่งด้วยนาโนเทคโนโลยีได้อีกเช่นกัน แต่เป็นเรื่องรองจากอาหารและยารักษาโรค ซึ่งนาโนเทคโนโลยีจะให้ผลคุ้มค่ามากกว่า

            ปัจจัยที่ ๕ อาชีพ คนจำเป็นต้องมีการศึกษาอย่าลุ่มลึกตลอดชีวิต ให้รู้รักษาปัญญาญาณแห่งตนที่จะควบคุมความรู้ ที่บังเกิดจากการจัดสรรชีวิต ท่ามกลางการผลิตสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดเวลา การชี้นำจากธรรมชาติและข้อธรรมะอันเป็นสัจธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงชี้นำไว้ชัดเจนว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อันเป็นปรกติของสรรพสิ่งและสรรพชีวิตในโลก

            บุคคลผู้มีข้อรู้ในการจัดการอาชีพตนเองอย่างพอดี สวมเข้าจังหวะกับธรรมชาติ จึงเป็นความเป็นและความไปตามธรรมชาติที่ขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลาไม่อยู่นิ่ง และไม่ถาวรคงทนตลอดกาล อันเรียก อนิจจัง สัจธรรมตรงนี้จะสื่อสาระการเรียนรู้ให้แจ้งในตนเองตลอดเวลานั้น เป็นปัจจัย ๖ ที่คนยุคใหม่ต้องเข้ามาฝึกฝนตนเองให้รู้จักธรรมชาติที่ขับเคลื่อนตลอดเวลา ซึ่งเป็นพุทธปัญญา คือ ปัญญาที่ตื่นและเบิกบาน โดยเฉพาะถ้าผู้นั้นสามารถฝึกฝนตนเองให้เกิดศีล สมาธิ ปัญญา จากวิถีของวิปัสสนาตามพระไตรปิฎก จะบังเกิดปัญญาญาณที่คล้องจองกับการใช้ความรู้อย่างอัตโนมัติ

            ข้อกำหนดรู้อันละเอียดระดับปรมาณูย่อมเกิดในตัวตนของผู้ฝึกปฏิบัติวิปัสสนาได้ เป็นทางสายเอกแห่งการจัดสร้างและจัดสรรนาโนเทคโนโลยีท่ามกลางเทคโนโลยียุคใหม่ทุกประการน่าสนใจและใส่ใจสำหรับผู้สร้างเทคโนโลยีว่า ในปัจจัยทั้ง ๖ จะต้องอธิบายได้เพราะมีการสร้างและการถอดถอนได้ตลอดเวลา เพราะนาโนเทคโนโลยีหลังจากเรียงร้อยอะตอมและโมเลกุลอย่างเป็นระเบียบแล้วสิ่งประดิษฐ์ที่มองเห็นได้นั้นจะแข็งแกร่ง คงทน ย่อยสลายได้ยากมาก ๆ ความควบแน่นจากการจัดเรียงร้อยอะตอมให้เป็นระเบียบจนใหญ่เป็นสิ่งประดิษฐ์นั้นจะแข็งแกร่งย่อยสลายได้ยาก จึงจำเป็นต้องสร้างกลไกแห่งการถอดถอน หรือแยกอะตอมออกจากกันได้ด้วยในขณะเดียวกันคือ ทำเป็นทั้งร้อยและแยกอะตอมไปพร้อม ๆ กัน เรียกว่า เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ มิฉะนั้นเราจะมีขยะของนาโนเทคโนโลยี ที่พึงสังวรไว้อีกประการหนึ่ง หลักการการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จากพุทธธรรม จึงเป็นแก่นแท้ของการดำรงชีพ แม้ว่าคนยุคใหม่จะสามารถใช้ปัจจัยทั้ง ๖ ด้วยนาโนเทคโนโลยีก็ตาม

            คนไทยและวิถีชีวิตไทยมีพุทธศาสนา มีพระไตรปิฎก และมีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่คนไทยสามารถปฏิบัติพร้อมได้ ย่อมมีความสามารถจะสร้างฐานปัญญาญาณไปกำกับฐานความรู้ มิตินี้สำคัญมากสำหรับชาวโลก เพราะเป็นมิติใหม่อันเป็น การจัดดุลยภาพของอารยธรรมมนุษยชาติที่ทรงประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด

            คนไทยได้มีทุกสิ่งดังกล่าวแล้วไว้ในครอบครองมาช้านานตั้งแต่เรารวมตัวกันเป็นชาติไทย ความเป็นชาติไทยมีศาสนาพุทธและพระมหากษัตริย์ ที่พัฒนากลมกลืนกันมาตลอดในดินแดนสุวรรณภูมินี้ คนไทยมีความนิ่ง ความนุ่มนวล และความแนบเนียนเป็นคุณลักษณะประจำสังคมในวิถีชีวิตไทย ที่เรียกได้ว่าเป็นศาสตร์แห่งการไหล ถ้าเรามองอย่างพินิจ จะเห็นว่าศาสตร์แห่งการไหลเป็นกระแสไหลผ่านเพื่อสร้างจุดเชื่อมโยงแห่งสรรพสิ่ง คนไทยมีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่แล้วอย่างเป็นปรกติ ดังนั้น นาโนเทคโนโลยีในวิถีไทยจึงเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวคนไทย และอยู่ในสิ่งรอบตัวของคนไทย ดังนั้น วิถีชีวิตคนไทยยุคใหม่ เราทำได้ไม่ยากนักมิใช่หรือ เพียงแต่ถ้าเราจะมองลึก ๆ โดยมองในตัวของเรากันเอง มากกว่าการมองไกลไปตามกระแสปฏิบัติของชาติผู้นำ โดยลืมมองใกล้ในตัวตนและประเทศไทยเท่านั้น.

ผู้เขียน  ศ.มณีวรรณ  กมลพัฒนะ ราชบัณฑิต ประเภทวิทยาศาสตร์ประยุกต์ สาขาวิชาสัตวศาสตร์  สำนักวิทยาศาสตร์
ที่มา : จดหมายข่าว ปีที่ ๑๓ ฉบับที่ ๑๕๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๖