ภิกษุณี

          ในพระพุทธศาสนานั้น นอกจากภิกษุที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยพระพุทธเจ้าประกาศพระพุทธศาสนาแล้ว  ยังมีภิกษุณีซึ่งเป็นนักบวชหญิงที่มีบทบาทสำคัญดังกล่าวด้วย  ใครคือภิกษุณีรูปแรก พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พิมพ์ครั้งที่ ๓ อธิบายไว้ว่า

          ภิกษุณี คือคำเรียกนักบวชหญิงซึ่งมีมาตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาลเช่นเดียวกับภิกษุ  ภิกษุณีเกิดขึ้นเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๕ พรรษาแล้ว  พระมหาปชาบดีโคตมี (พระน้านาง) ได้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับที่กูฏาคารศาลา เขตเมืองเวสาลี เพื่อทูลขอบวชพร้อมด้วยเจ้าหญิงศากยะ ๕๐๐ องค์ พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตโดยทรงวางเงื่อนไขให้พระน้านางกับเจ้าหญิงศากยะต้องรับปฏิบัติ ครุธรรม ๘ ประการตลอดชีวิต พระมหาปชาบดียินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว และทันทีที่พระนางน้อมรับปฏิบัติตามก็เป็นอันว่าการบวชเป็นภิกษุณีของพระนางสำเร็จลงแล้ว  พระมหาปชาบดีกับเจ้าหญิงศากยะ ๕๐๐ องค์ จึงเป็นภิกษุณีกลุ่มแรก  โดยพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุที่อยู่พร้อมกันในที่นั้นให้รับภาระบวชให้เจ้าหญิงศากยะที่เหลือ

          ในการปฏิบัติตามพระวินัย ภิกษุณีปฏิบัติตามสิกขาบทที่เป็นของภิกษุด้วยและปฏิบัติตามสิกขาบทที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับภิกษุณีโดยเฉพาะด้วย ฉะนั้น ภิกษุณีจึงมีสิกขาบทที่ต้องรักษาถึง ๓๑๑ ข้อ ขณะที่ภิกษุมีสิกขาบท ๒๒๗ ข้อ

          ตามมติของพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท มีภิกษุณีเดินทางไปประกาศพระพุทธศาสนานอกอินเดียเพียงคณะเดียว คือ คณะของพระสังฆมิตตา พระธิดาของพระเจ้าอโศก ซึ่งได้เดินทางไปลังกาเมื่อราว พ.ศ. ๒๓๙ และได้เป็นปวัตตินีหรือพระอุปัชฌาย์บวชให้พระนางอนุฬา  ขั้นตอนในการบวชเป็นภิกษุณีนั้น  สตรีผู้บวชต้องบรรพชาเป็นสามเณรีและรักษาศีล ๖ ข้อแรกในศีล ๑๐ ของสามเณรได้บริบูรณ์ตลอด ๒ ปี และภิกษุณีสงฆ์ให้การรับรองแล้วจึงบวชเป็นภิกษุณีในภิกษุณีสงฆ์ได้ 

          ภิกษุณีสงฆ์ในลังกานั้นเจริญรุ่งเรืองมาตามลำดับจนกระทั่งถึงสมัยกองทัพโปรตุเกสบุกลังกาและมีการทำลายพระพุทธศาสนาจนทั่วลังกา มีสามเณรีสรณังกรเหลืออยู่เพียงรูปเดียว จึงสันนิษฐานกันว่า ภิกษุณีสงฆ์ในลังกาน่าจะสูญสิ้นลงแต่คราวนั้น และปัจจุบันก็ไม่มีภิกษุณีสงฆ์สายนิกายเถรวาทเหลืออยู่เลย คงมีแต่ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายนิกายมหายานเท่านั้น.

       กนกวรรณ  ทองตะโก