๏ วันพุธที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ศ. ดร.จงรักษ์ ผลประเสริฐ ภาคีสมาชิก บรรยายเรื่อง การผลิตถ่านไฮโดรจากสิ่งปฏิกูลโดยกระบวนการไฮโดรเทอร์มอลคาร์บอนไนเซชัน สรุปความได้ว่า สิ่งปฏิกูลเป็นของเสียที่มีค่ามลพิษสูง ประกอบด้วย สารอินทรีย์ และเชื้อโรค ปัจจุบันสิ่งปฏิกูลที่เทศบาลต่างๆในประเทศไทยเก็บจากอาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกปล่อยทิ้งในหลุมฝังกลบ พื้นที่การเกษตร และแหล่งน้ำ ซึ่งก่อให้ปัญหาที่สำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ประมาณร้อยละ ๓๐ ของสิ่งปฏิกูลถูกบำบัดโดยการหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจน และลานตากตะกอน ซึ่งวิธีการเหล่านี้ยังไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ไฮโดรเทอร์มอลคาร์บอนไนเซชัน (Hydrothermal carbonization) เป็นกระบวนการทางเคมีความร้อน (Thermo-chemical process) ที่มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารชีวะมวล (Biomass) ที่มีความชื้นสูงให้กลายเป็นสารประกอบคาร์บอนที่เรียกว่า ถ่านไฮโดร (Hydrochar) โดยใช้เครื่องปฏิกรณ์แรงดันสูง (๒๐-๖๐ บาร์) ที่อุณหภูมิปานกลาง (๑๘๐-๒๕๐ องศาเซลเซียส) วิธีการนี้สามารถนำมาใช้กับสารชีวะมวลได้หลากหลายประเภทซึ่งรวมถึงสิ่งปฏิกูลด้วย นอกจากนี้ ถ่านไฮโดรที่ผลิตได้ยังสามารถนำมาใช้งานในด้านๆ ทั้งในกระบวนการผลิต การเกษตร และอุตสาหกรรมเคมี เช่น ใช้เป็นเชื้อเพลิง ตัวเก็บพลังงาน ปรับปรุงคุณภาพดิน ตัวดูดซับในการกรองน้ำ และตัวเร่งปฏิกิริยา
จากผลการทดลองผลิตถ่านไฮโดรจากสิ่งปฏิกูลโดยกระบวนการไฮโดรเทอร์มอลคาร์บอนไนเซชัน ที่อุณหภูมิ ๒๕๐ องศาเซลเซียส เป็นเวลา ๕ ชั่วโมง พบว่าอัตราผลผลิตของถ่านไฮโดรประมาณร้อยละ ๗๐-๗๕ ของสิ่งปฏิกูลแห้ง และปริมาณพลังงานความร้อนของถ่านไฮโดรประมาณ ๑๙-๒๐ เมกะจูลต่อกิโลกรัม ซึ่งมีค่าใกล้เคียงกับถ่านหินธรรมชาติ เช่น ลิกไนต์ ดังนั้นถ่านไฮโดรที่ผลิตได้จึงสามาถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการเผาไหม้ทั่วไปได้ จากกรณีศึกษาโรงบำบัดสิ่งปฏิกูลของเทศบาลนครนนทบุรี พบว่า สิ่งปฏิกูลประมาณ ๙,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อปี ถูกบำบัดโดยถังหมักและลานตากตะกอนสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ประมาณ ๗๒ ตันต่อปี สร้างรายได้ให้กับเทศบาลนครนนทบุรี ประมาณ ๒๑๖,๐๐๐ บาทต่อปี ในขณะที่ เมื่อพิจารณามาใช้การบำบัดโดยกระบวนการไฮโดรเทอร์มอลคาร์บอนไนเซชั่น พบว่า สามารถผลิตถ่านไฮโดรได้ประมาณ ๓๓๗ ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี ดังนั้น ไฮโดรเทอร์มอลคาร์บอนไนเซชั่นจึงเป็นกระบวนที่เหมาะสมและควรนำมาพิจารณาในการใช้บำบัดสิ่งปฏิกูลและผลิตถ่านไฮโดรให้มีมูลค่าสูง
ศ. ดร.สมศักดิ์ ดำรงค์เลิศ ราชบัณฑิต บรรยายเรื่อง การผลิตท่อนาโนคาร์บอนในฟลูอิไดซ์เบดบนตัวเร่งโคบอล สรุปความได้ว่า ท่อนาโนคาร์บอนถูกผลิตในคอลัมน์สร้างด้วยสแตนเลส ๓๐๔ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๕๐ มิลลิเมตร สูง ๑,๐๐๐ มิลลิเมตร ใช้โคบอลเป็นตัวเร่งปฎิกิริยาเคลือบบนอะลูมินามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย ๘๑.๔ ไมโครเมตร เป็นโคบอลที่ว่องไวปริมาณร้อยละ ๓.๓ โดยน้ำหนักซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๖.๑ นาโนเมตร ใช้วิธีทำตัวเร่งปฏิกิริยาให้ว่องไวโดยการอบด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ ๔๕๐ องศาเซลเซียสในบรรยากาศของแก๊สไฮโดรเจน จากนั้นป้อนแก๊สผสมด้วยอัตราการป้อนปริมาณแก๊สเอทีลีนต่อไฮโดรเจนต่อไนโตรเจนเท่ากับ ๔๐๐:๒๐๐:๒๐๐ ลูกบาศก์เซ็นติเมตรต่อนาทีเข้ามาทางด้านล่างของคอลัมน์ทำให้เม็ดตัวเร่งจะอยู่ในสภาวะฟลูอิไดเซชัน สภาวะที่เหมาะสมสำหรับเบดที่มีตัวเร่งปฏิกิริยานี้ ต้องใช้อุณหภูมิในเบด ๖๐๐ องศาเซลเซียส เวลาดำเนินงาน ๖๐ นาที สัดส่วนความเข้มข้นของแก๊สเอทีลีน ๐.๕๐ สามารถผลิตท่อนาโนคาร์บอนได้ร้อยละ ๕๘.๖
๏ วันพุธที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ศ. ดร.สมชาติ โสภณรณฤทธิ์ ราชบัณฑิต บรรยายเรื่อง เส้นทางการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม สรุปความได้ว่า บทความนี้กล่าวถึงแนวทางการจัดการเส้นทางการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม สำหรับกลุ่มสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหลัก แต่ก็อาจใช้กับกลุ่มสาขาวิชาอื่นได้ อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในปัจจัยทั้งหมดที่มีอยู่ห้าปัจจัย อาจารย์มีหน้าที่หลักสองประการ คือ สอนและวิจัย ผลงานวิจัยที่ดีจะต้องมีศักยภาพที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และต้องสามารถตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในแหล่งตีพิมพ์คุณภาพสูง แนวทางการทำงานวิจัยที่ดีต้องมีความเชื่อมโยงระหว่างนักวิจัย/กลุ่มวิจัยกับผู้มีส่วนได้เสีย โดยมีการพบปะหารือร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ มีกิจกรรมการวิจัยต่างๆ ที่เหมาะสม ที่ขับเคลื่อนบนฐานของความรู้สึกของความเป็นหุ้นส่วนการวิจัยของบุคคลากรในกลุ่มวิจัย เพื่อให้งานวิจัยของประเทศมีความก้าวหน้า อาจารย์ ผู้บริหาร สภาสถาบันอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา และหน่วยงานให้ทุนสนับสนุนการวิจัย ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ ครบถ้วน เหมาะสมที่สุด
ศ. ดร.ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ ราชบัณฑิต, ศ. ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ราชบัณฑิต และ ศ. ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ ราชบัณฑิต ร่วมบรรยายเรื่อง ความชรา ความจำเสื่อม กับ ดนตรี สรุปความได้ดังนี้
ระเบียบของราชบัณฑิตสภา
- ราชบัณฑิตผู้สูงวัยอาจลาเกษียณเพราะความชราได้
- เงื่อนไขของ ความชรา ยังมิได้กำหนดให้ชัดเจน.
- การใช้อายุและการตีความทางด้านกฎหมายเป็นเกณฑ์
- ควรจะพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆด้วย เช่น ความจำ สุขภาพอื่นๆ
- ต้องอาศัยความเห็นทางการแพทย์ประกอบด้วย
ความจำเสื่อมของผู้สูงวัย
- เมื่อมีอายุมากขึ้น ความจะจำเสื่อมขึ้น
- ความจำที่เสื่อมมาก จะเป็นอาการของอัลไซเมอร์ขั้นแรกหรือไม่
- สมาชิกในครอบครัว ป่วยด้วยอัลไซเมอร์ ความเสี่ยงก็น่าจะมากขึ้น
- บุคลากรทั่วไปไม่อาจแยกแยะระหว่าง ความจำเสื่อมมาก กับอัลไซเมอร์ขั้นแรก
- บุคคลที่อยู่ใกล้ตัวผู้สูงวัย อาจจะสังเกตแนวโน้มในการเป็นอัลไซเมอร์ได้
- รายงานการสังเกตให้แพทย์เฉพาะทางวินิจฉัย.
วิธีชะลอความจำเสื่อม
- การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ
- การออกไปพบปะกับสิ่งใหม่ๆ
- การทำกิจกรรมที่มีเป้าหมาย
- การเล่นดนตรี
- ฯลฯ
การเล่นดนตรี
- ดนตรีที่มีจังหวะช้า ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดัน และอุณหภูมิของร่างกาย
- ดนตรีที่มีความถี่ระหว่าง 90-120 Hertz ทำให้สมองทำงานคล้ายกับการนั่งสมาธิ
- ในบ้านผู้สูงวัยบางแห่ง ผู้สูงวัยที่เล่นดนตรี สามารถฟื้นความจำได้บ้าง
- ยังไม่มีทฤษฏี อธิบาย ความเกี่ยวข้องของการชะลอความจำเสื่อม กับ เสียงดนตรีที่มีความถี่ต่ำ
ข้อเสนอแนะ
- ผู้สูงอายุบางคน อาจมีปัญหาทีไม่อาจออกกำลังเพื่อชะลอความจำเสื่อม
- การเล่นดนตรี เป็นทางเลือกที่ดีประการหนึ่ง.
- ผู้สูงวัยน่าจะหัดเล่นดนตรีบางชนิด เพื่อชะลอความจำเสื่อม เช่น ขลุ่ย
- เครื่องดนตรีอีกอย่างหนึ่งที่หัดง่าย และราคาไม่แพง คือ ukulele หรือ uke
- Uke คล้ายกีตาร์ แต่มีเพียงสี่สาย ที่ตามปกติ ประกอบด้วยสาย high G, C, E และ high G
- ควรเปลี่ยนสาย high G เส้นบนเป็นสาย low G ให้ได้เสียงต่ำพอ.
ตัวอย่าง เพลงคลาสสิก ที่มีจังหวะช้า
- Schubert: AVE Maria, Seranade, etc.
- Bach: Air on G string, Ave Maria, etc
- Londondery air, Shenandoah
- เพลงไทยเดิม เช่น ลาวคำหอม แขกสาหร่าย บังใบ.
- เพลงพระราชนิพนธ์ แสงเทียน ถ้าเล่นด้วย low G ให้เสียงต่ำลง และเล่นให้ช้าลง