วันนี้ (๒๑ ส.ค. ๖๓) เวลา ๙.๐๐ น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังสำนักงานราชัณฑิตยสภาเพื่อร่วมการประชุมร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ปฏิบัติหน้าที่อนุกรรมการใน อ.ก.พ. กระทรวง โดยมี ดร.ดวงตา  ตันโช เลขาธิการราชบัณฑิตยสภา ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ จากนั้นเวลา ๑๐.๐๐ น. ได้เดินทางไปสำรวจอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อน ซึ่งเป็นโบราณสถานที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภาได้รับการอนุมัติงบประมาณให้ดำเนินการปรับปรุงเป็นที่ทำการและหอประวัติของราชบัณฑิตยสภา ซึ่งจะแยกจากที่ทำการของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาโดยคาดว่าจะย้ายที่ทำการจากสนามเสือป่าไปยังศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โซนซี ในช่วงประมาณต้นปี ๒๕๖๗ และเดินทางกลับมาตรวจเยี่ยมและให้นโยบายสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ณ ห้องประชุมชั้น ๔ ในเวลา ๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ น.

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานราชบัณฑิตยสภาเป็นหน่วยงานที่สร้างคุณูปการให้แก่ประเทศชาติ ที่มีความสำคัญ ซึ่งสร้างประโยชน์และผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องภาษาเพียงเรื่องเดียว แต่มีผลงานทางวิชาการหลายประเภทที่ใช้เป็นแหล่งอ้างอิงของงานวิจัยในปัจจุบัน ที่อาจนำไปใช้ทั้งในการทำงาน การเรียน การอ้างอิงทางวิชาการต่าง ๆ อนุรักษ์ภาษาไทยให้ยั่งยืน มีการกำหนดศัพท์ใหม่ ๆ มีการผลิตภาษา ส่งต่อมรดกให้แก่คนรุ่นหลัง ได้อนุรักษ์ต่อไป เสมือนการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ส่งต่อวิทยาการจากคนรุ่นปัจจุบันสู่คนรุ่นใหม่ รวมถึงการอบรมในภาษาไทย ภาษาถิ่น ในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ฝากให้ผู้บริหารดำเนินการวางแผนเตรียมความพร้อมในเรื่องโครงสร้างอัตรากำลังให้เพียงพอ รวมทั้งวางระบบฐานข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อให้ที่ทำการสำนักงานราชบัณฑิตยสภาทั้ง ๒ แห่งสามารถทำงานเชื่อมโยงประสานงานสอดคล้องกันได้อย่างมีเอกภาพ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ราชบัณฑิตยสภาจะได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ขององค์กรใหม่ให้เป็นหน่วยงานราชการดิจิทัลที่ทันสมัย เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคราชการ ๔.๐ มุ่งเน้นประโยชน์การอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเป็นสำคัญ โดยอาจมีแอปพลิเคชันให้ประชาชนดาวน์โหลดค้นหาพิกัดจุดให้บริการของราชบัณฑิตยสภาที่ต้องการติดต่อทั้ง ๒ แห่ง และนำทางไปที่ตั้งหน่วยงาน มีคู่มือในการเข้าใช้บริการ รวมถึงประเมินความพึงพอใจหลังเข้ารับบริการ เป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้อนุมัติค่าปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ก่อนสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๓ นี้

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาสำนักงานราชบัณฑิตยสภาทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักในการอนุรักษ์และส่งเสริมการใช้ภาษาไทยมาโดยตลอด มีการจัดกิจกรรมทั้งการแข่งขันทักษะการใช้ภาษาไทยของเยาวชน การมอบรางวัลให้แก่ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ถือเป็นโครงการที่ดีในด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนอีกทางหนึ่ง และปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันกันสูงในทุกด้าน หากสำนักงานราชบัณฑิตยสภาสามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลงานทางวิชาการที่จัดทำขึ้นผ่านทางออนไลน์ หรือจัดทำหนังสือในรูปแบบ e-book ก็จะลดการใช้กระดาษ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว รองรับความต้องการของประชาชน และปรับตัวเป็นราชการ ๔.๐ หรือรัฐยุคดิจิทัลที่มุ่งเน้นประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเป็นสำคัญ พัฒนาให้เป็นองค์กรบริการที่มีความทันสมัย และเชิดชูยกย่องเกียรติคุณราชบัณฑิตซึ่งเป็นปูชนียบุคคลของชาติ เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เห็นแบบอย่างที่ดีงาม รวมทั้งพัฒนาให้เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นจริงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชกรณียกิจ และเพิ่มช่องทางต่าง ๆ ในการให้บริการทางวิชาการแก่ประชาชนเพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการสะดวกยิ่งขึ้น

1 2 3 4 5 IMG_9283 IMG_9304 IMG_9320 IMG_9321 IMG_9322